Home » » เจาะลึกเทคโนโลยี Nike Dri-Fit

เจาะลึกเทคโนโลยี Nike Dri-Fit

หากพูดถึง Nike ก็จะนึกถึงอุปกรณ์กีฬาแบรนด์ชั้นนำของโลก เป็แบรนด์ที่ทุกคนต่างต้องอุทานว่า อ้อ !!! ไนกี้ (Nike) เป็นแบรนด์ที่มีมานานแล้ว หลายต่อหลายชนิดกีฬาล้วนต้องใช้อุปกรณ์ Nike ทั้งนั้นไม่ว่าจะระดับ Lical จนถึง World Class Nike มีผลิตภัณฑ์หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น รองเท้า เสื้อกีฬา กางเกงกีฬา หมวก อุปกรณ์การแข่งขันกีฬาชนิดต่างๆ

วันนี้เราจะมากล่าวถึง เสื้อกีฬา หรือเสื้อบอล ของ Nike ที่หลายต่อหลายทีม หรือหลายสโมสรใช้ผลิตภัณฑ์ของเค้า และวันนี้เรามาพูดถึงเทคโนโลยี Nike Dri-Fit ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อนักกีฬาโดยเฉพาะ

Dri-Fit ใช้ไมโครไฟเบอร์ผ้าโพลีเอสเตอร์
จะขอกล่าวก่อนว่า ความหมายของ โพลีเอสเตอร์/POLYESTER คืออะไร

 โพลีเอสเตอร์/POLYESTER
1. โพลีเอสเตอร์ไม่ใช้ยาฆ่าแมลง เพราะป็นผลิตผลจากปิโตรเคมี แต่ต้องใช้พลังงานในการผลิตสูงเป็น 2 เท่าของพลังงานที่ใช้เพื่อปลูกฝ้าย  ข้อนี้โพลีเอสเตอร์แพ้ 
2. การผลิตและขนส่งโพลีฯ ประหยัดและปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่าฝ้ายเพราะน้ำหนักเบากว่ามาก

3. การใช้งาน (ใส่ ซัก ตาก) ก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนฯ น้อยมากๆบาง เบาซักง่าย แห้งไว ถ้าอบก็ต้องใช้ไฟต่ำ แถมแห้งไวมาก ถ้าตากแดด จับแขวนจับผึ่งดีๆ ก็ไม่จำเป็นต้องรีดเลย ถ้าต้องรีดก็ใช้ไฟอ่อนๆ  ซึ่งทำให้ประหยัดไฟ ผ้าโพลี ฯ ก่อให้เกิดของเสียสู่บรรยากาศน้อยกว่าฝ้ายอย่างมาก 

แต่ผ้าโพลีเอสเตอร์ก็เป็นผลิตผลจาก ปิโตรเลียม ทรัพยากรที่ร่อยหรอลงทุกวัน หมดแล้วหมดเลย ดังนั้นการใช้แต่ผ้าโพลีฯ ก็จะต้องใช้ทรัพยากรน้ำมันมากขึ้น สิ่งที่เราทำได้คือ ใช้เสื้อผ้าให้คุ้มๆ ไม่ว่าจะเป็นผ้าฝ้าย (ออแกนิก) หรือผ้าใยสังเคราะห์์ใส่ไม่ได้แล้วลองพิจารณาขายต่อเป็นเสื้อผ้ามือ2 หรือเอาไปบริจาค


- Dri-Fit ใช้ไมโครไฟเบอร์ผ้าโพลีเอสเตอร์ 100% จะช่วยในการระบายความร้อนทำให้เสื้อบอลแห้งเร็ว ใส่แล้วรู้สึกสบายตัว นี่คือจุดเด่นหลักของเทคโนโลยี Dri-Fit  ที่ Nike ต้องการจะนำเสนอ 
- นอกจากนั้น ยังมีเทคโนโลยี UV-Dri-Fit 30 ที่มีในตัวนี้ สามารถป้องกันแสงอุลต้าไวโอเรตได้ถึง 30% นี่คือเทคโนโลยีที่มีผลิตภัณฑ์ บางอย่างเท่านั้น 

- Nike Dri-Fit เนื้อผ้าที่มีลักษณะเหมือนตาข่ายที่ยืดหยุ่น ทำให้ผู้ใส่สวมใส่สบาย

พรุ่งนี้จะมาต่อนะครับ......ง่วงแล้ววว

บทความที่ได้รับความนิยม